สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองวันนี้ (27 ก.ค. 66) ตลอดทั้งวันไร้การเคลื่อนไหวปรับเพียง 1 ครั้งหลังเปิดตลาดชั่วโมงกว่าๆ โดยปรับลงมา 50 บาท ก่อนหยุดยาว
- ทองคำแท่ง รับซื้อคืน 31,850.00 บาท/บาททองคำ และขายออก 31,950.00 บาท/บาททองคำ
- ทองรูปพรรณ รับซื้อคืน 31,275.08 บาท/บาททองคำ และขายออก 32,450.00 บาท/บาททองคำ
คำพูดจาก เครื่องสล็อต
ราคาทองคำในประเทศ อ้างอิงตลาดสปอตที่ 1,979.50ดอลลาร์/ออนซ์ และอิงค่าเงินบาท 34.07 บาท/ดอลลาร์
สำหรับทิศทางราคาทองนางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ประเมินปีนี้เฟดขึ้นดอกเบี้ยอีกแค่ 1 ครั้ง หลังจากนั้นจะเข้าสู่ยุคทองคำขาขึ้น มองการขึ้นรอบใหม่วิ่งยาว 3 – 5 ปี
เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ส่งให้ดอกเบี้ยอเมริกาขึ้นสู่ระดับ 5.25-5.50%
หนี้ครัวเรือนพุ่งไม่หยุด สูงสุดในรอบ 15 ปี GEN Y-Z ใช้เงินเกินตัว
ราคาทองวันนี้ "นิ่ง" เท่าเมื่อวาน เฟดมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยต่ออีก
โดยด่านแรกหากปลายปีทองคำผ่าน 2,079 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ได้ มีโอกาสเห็น 2,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ แนะนักลงทุนหาจังหวะเก็บที่ 1,900 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ส่วนปัจจัยหนุนทองคำยังอยู่ครบ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจฝั่งยุโรปและสหรัฐที่ยังไม่สดใส ปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังกดดัน
หากมองภาพใหญ่จะเห็นว่าทองคำเป็นขาขึ้นมาแล้ว 3 ปีต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 ต่อเนื่องมาจนสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน แม้ว่าในปีที่ผ่านมาสถานการณ์เหล่านี้จะเริ่มคลี่คลายและดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นแต่ทองคำก็ยังทรงตัวในระดับสูง
ดังนั้นหากนโยบายดอกเบี้ยที่เป็นปัจจัยกดดันทองคำหมดไปมองว่าการขึ้นของทองคำรอบนี้จะเป็นขาขึ้นไปอีก 3 – 5 ปี โดยหากผ่านจุดสูงสุดของปีที 2,079 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ไปได้ จะปรับตัวขึ้นไปที่ 2,100 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ และ 2,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์
YLG จะคาดการณ์ว่าทิศทางทองคำจะเป็นขาขึ้น
สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าซื้อสามารถใช้จุด 1,900 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์เป็นจังหวะเข้าซื้อได้ อย่างไรก็ดีแม้หลังผ่านช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นไปแล้วทาง YLG จะคาดการณ์ว่าทิศทางทองคำจะเป็นขาขึ้น แต่ยังคงคำแนะนำการลงทุนในทองคำที่สัดส่วน 5-15% ของพอร์ตลงทุนรวม เพื่อลดความผันผวนของพอร์ต ไม่ควรลงทุนมากกว่านั้น
ปัจจัยบวกสำหรับทองคำยังอยู่ครบ
สำหรับปัจจัยกดดันทองคือดอกเบี้ยและกำลังจะสิ้นสุดยุคขาขึ้น แต่ปัจจัยบวกสำหรับทองคำยังอยู่ครบ โดยเฉพาะปัจจัยเศรษฐกิจถดถอย หากมองเศรษฐกิจทั่วโลกจะเห็นว่ามีเพียงเอเชียเท่านั้นที่เป็นบวก ยุโรปและสหรัฐยังคงน่าจับตา ส่วนปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ทั้งฝั่งของจีนและสหรัฐ รวมถึงความขัดแย้งรัสเซีย ยูเครน ก็ยังต้องติดตามต่อไป จึงเป็นไปได้ที่ช่วงปลายปีทองคำมีโอกาสทำจุดสูงสุดใหม่